‘ประยุทธ์’ มั่นใจไทยรับมือ ‘โอมิครอน’ เผยยังไม่เปลี่ยนนโยบาย

‘ประยุทธ์’ มั่นใจไทยรับมือ ‘โอมิครอน’ เผยยังไม่เปลี่ยนนโยบาย

ธนกร เผย ประยุทธ์ มั่นใจ มั่นใจไทยรับมือ ‘โอมิครอน’ ได้แน่ เบื้องต้นยังไม่มีการเปลี่ยนนโยบาย ย้ำไม่การ์ดตกป้องกันโควิดได้ทุกสายพันธุ์ ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้รับทราบจากกระทรวงสาธารณสุขถึงการตรวจพบผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอน หรือ โอไมครอน รายแรกของไทย เป็นการติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากสเปน จากระบบ Test to Go

ซึ่งถือว่าไทย เป็นอันดับที่ 47 ของโลก ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธ์ุโอมิครอน หลังจากตรวจตัวอย่างพบความเข้ากันได้กับจีโนมของโอมิครอนสูงถึง 99.92%

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข ยังยืนยันว่า สายพันธุ์ส่วนใหญ่ที่พบขณะนี้ ในไทยยังเป็นสายพันธุ์เดลตา 65.97% สายพันธุ์อัลฟา 32.48% และสายพันธุ์เบตา 1.54% ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ปรึกษา เพื่อติดตามพัฒนาการสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแนวทางหรือนโยบาย ซึ่งทุกอย่างจะต้องมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค. ในครั้งต่อไป

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทย มีกระบวนการการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และคัดกรองที่มีประสิทธิภาพและเข้มข้นสูง สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขอให้พี่น้องประชาชนตระหนักแต่อย่าได้ตระหนก

โดยคณะแพทย์ไทยและทั่วโลกยังยืนยันการยึดหลักอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ด้วยมาตการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล Universal Prevention เป็นการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลาให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ทั้งสวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า รักษา เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือให้สะอาด สามารถป้องกันโควิด-19 ได้ทุกสายพันธุ์” ธนกร กล่าว

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากย้ำไปถึงประชาชนที่ยังลังเลยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ขอความร่วมมือให้รีบเข้ามารับการฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหาให้ รวมทั้งสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็มแล้ว ก็ขอให้ติดตามการประกาศข้อแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุข สำหรับการเข้ารับฉีดวัคซีนบูสเตอร์ในระยะเวลาที่เหมาะสม ต่อไป

‘จะนะรักษ์ถิ่น’ เตรียมแถลง 10 โมงวันนี้ หลังถูก คฝ.สลายการชุมนุม

จะนะรักษ์ถิ่น เตรียมตั้งโต๊ะแถลง 10 โมงของวันนี้ หลังจากที่ถูก คฝ.สลายการชุมนุม ขณะที่เรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลง MOU ที่เซ็นเอาไว้

กลุ่มประชาชนจาก อ.จะนะ นัดแถลงข่าวในประเด็นที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐสลายชุมนุม ที่หน้า กพร. ในวันนี้ (7 ธ.ค.) เวลา 10.00 น. หลังจากที่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 6 ธ.ค. ตำรวจ คฝ. ได้เข้าสลายการชุมนุม ประชาชนเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ที่ได้รวมตัวกัน ตั้งเต็นท์ กางผ้าใบ ที่บริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล

โดยทวิตเตอร์ของ iLaw ได้ระบุว่า กองร้อยน้ำหวานนำขบวนเข้าสลายชาวบ้าน และประกาศกันสื่อไม่ให้เข้าไปเป็นประจักษ์พยานระหว่างการสลาย ก่อนจะมีการควบคุมตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง

เบื้องต้น มีรายงานว่า ตำรวจคุมตัวชาวบ้านไป 36 คน เป็นหญิง 30 คน และชาย 6 คน โดยจะคุมตัวไปที่สโมสรตำรวจ

โดยการรวมตัวของกลุ่ม จะนะรักษ์ถิ่น ในครั้งนี้มีขึ้นเพื่อเป็นการเรียกร้อง ให้รัฐบาลทำตามข้อตกลงกรณีปัญหานิคมอุตสาหกรรมจะนะให้ครบถ้วน ตามที่ได้รัฐบาลได้ทำบันทึกข้อตกลงไว้กับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ปี 2563

ซึ่งในสัญญาดังกล่าว ระบุว่าจะ 1. ยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ และแก้ไขผังเมืองเอาไว้ก่อน 2. จัดทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระดับยุทธศาสตร์ หรือ SEA ร่วมกันก่อน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมร่วมกัน อย่างไรก็ตามไม่กี่เดือนที่ผ่านมากลับเดินหน้าโครงการ และเดินหน้าจัดทำผังใหม่ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทำ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์

“นายกฯ อยากเห็นพี่น้องชาวนาไทยสามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวด้วยการทำการเกษตรที่ยั่งยืน รวมทั้งต้องการยกย่องให้ชาวนาไทย มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อไม่ให้ชาวนา และข้าว ถูกนักการเมืองเกาะกิน นำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง อย่างไรก็ตาม การจะให้ข้อมูลอะไรนั้นต้องครบและรอบด้านด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยควรจะบอกกับประชาชนด้วยว่า ผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวนั้น ได้สร้างความเสียให้กับประเทศไว้อย่างไรด้วย ถึงขนาดที่อดีตนายกฯ ยังต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วใจจืดใจดำปล่อยให้อดีตรัฐมนตรีต้องติดคุกอยู่คนเดียว ไม่ใช่เอาแต่สร้างโลกสวยสร้างความสับสนให้ประชาชนไปวันๆ” นายธนกร กล่าว

“ผมขอย้ำว่า รัฐบาล ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อวางแผนช่วยเหลือประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ให้พ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศที่ได้วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ รวมถึงการช่วยลดภาระ แบ่งเบาค่าครองชีพด้วยมาตรการต่างๆ และแก้ปัญหาหนี้สินให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป