ตร. จับตัว 2 นักศึกษา มช. กลางปริญญา หลังผลิตใบปลิวคัดค้านงานปริญญา

ตร. จับตัว 2 นักศึกษา มช. กลางปริญญา หลังผลิตใบปลิวคัดค้านงานปริญญา

ศูนย์ทนาย เผยตำรวจ จับตัว 2 นักศึกษา มช. กลางงานปริญญา หลังผลิตใบปลิวคัดค้านงานปริญญา เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความลงทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนักศึกษา 2 ราย ที่งานรับปริญญาของมหาวิทยาลัย ก่อนจะนำผู้ถูกจับกุมทั้ง 2 รายขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขัง และนำตัวไปยัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์

โดยในเวลาต่อมา ศูนย์ทนายฯ รายงานว่าได้ย้ายผู้ถูกจับกุม 2 รายไปยัง สภ.สันกำแพง 

เนื่องจากสถานที่ไม่เอื้ออำนวย โดยมีทนายความติดตามไปด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหา หรือทำบันทึกจับกุมใดๆ การจับกุมดังกล่าวคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีที่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ออกมาทำกิจกรรม เชิญแสดงความคิดเห็นว่าอยากรับปริญญากับใคร พร้อมแจกใบปลิวเพื่อร่วมรณรงค์ ‘ปฏิเสธและหยุดผลิตซ้ำพิธีกรรมศักดินา’

ก่อนหน้านี้สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดทำแคมเปญเชิญชวนคณะต่างๆ ‘ไม่ส่งตัวแทน และไม่สนับสนุนการรับเสด็จในงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรทุกครั้งที่เกิดขึ้นในวาระการดำเนินงาน’ โดยระบุว่าพิธีดังกล่าวเป็นการสนับสนุนระบบศักดินา และเป็นรูปแบบหนึ่งของการกดขี่ให้คนไม่เท่ากัน

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อมาตรการด้านการเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ พบว่า 68.95% ให้ความสำคัญกับการเพิ่มความเข้มงวดและรัดกุมในการตรวจสอบโรคโควิด-19 กับผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รองลงมา 38.81% ให้ความสำคัญกับการเพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงแก่ผู้ลักลอบขนแรงงานต่างชาติตามชายแดน ขณะที่ 31.51% ระบุว่า การปิดประเทศจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ได้ 20.24% ระบุว่า ให้ประกาศจำกัดการเดินทางภายในประเทศทันทีที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ภายในประเทศ และ 18.87% ระบุว่าควรจำกัดสิทธิของผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนในการเข้าถึงบริการของรัฐ และการออกไปในพื้นที่สาธารณะ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ

นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ผลสำรวจยังได้รายงานถึงวิธีการป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประชาชนระบุว่า ประชาชน 94.67% สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะ รองลงมา 76.79% ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 65.07% ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 41.32% หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง และ 36.53% เว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) เป็นต้น

ทั้งนี้ผลสำรวจการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลล่าสุดนี้ สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อมั่นและพึงพอใจในการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พร้อมให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมทำงานอย่างหนักต่อไป เพื่อบริหารสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ให้ดีที่สุด ทั้งมาตรการควบคุม แผนจัดหาและเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับมาตรการเยียวยาต่าง ๆ

‘สุพัฒนพงษ์’ วอนคนไทยมองบวก ชี้ ของแพง เพราะคนซื้อเยอะ

สุพัฒนพงษ์ วอนคนไทยให้มองบวก หลังราคาสินค้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง อธิบาย ของแพง เพราะคนซื้อเยอะ ย้ำประยุทธ์เร่งแก้ปัญหาอยู่ นาย สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีของแพง และการปรับราคาขึ้นของสินค้าหลายชนิด

โดยนาย สุพัฒนพงษ์ ระบุว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ ประเด็นสินค้าราคาแพงต้องพิจารณาว่ามาจากปัจจัยใด ทางรัฐบาลเองมีนโยบายและได้หารือกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ

โดยตัวเลขจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และการพยากรณ์จากหลายสถาบัน เชื่อได้ว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยจะอยู่ในระดับ 1-3 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่สามารถดูเฉพาะเจาะจงในรายการสินค้าได้ ต้องดูภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อแทน เป็นเป้าหมายที่เราจะต้องควบคุมให้ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกาที่อัตราเงินเฟ้อขึ้นไปถึง 7เปอร์เซ็นต์ แต่เราไม่ได้ประมาทในเรื่องนี้ ส่วนไหนที่ตรึงได้ก็พยายามจะตรึง ส่วนไหนที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกลไกตลาดก็จำเป็นต้องเพิ่มการผลิตให้มากขึ้นกรณีที่เกิดขาดความแคลนในสินค้าประเภทนั้น ไม่อยากให้ประชาชนไปเฝ้ามองเพียงแค่การขาดสินค้าตัวใดตัวหนึ่ง เพราะอยากให้ดูในภาพรวมดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องมีมาตรการทางการคลังลงไปช่วยหรือไม่ เช่น โครงการคนละครึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรามีกำหนดการเร่งหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามสถานการณ์ ซึ่งไม่ใช่แค่สถานการณ์แค่ไทยอย่างเดียว แต่ต้องดูสถานการณ์โลกด้วย ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร เพราะอัตราเงินเฟ้อและภาวะสินค้าแพง จะบอกว่าเป็นข่าวดีก็ไม่เชิง

แต่เรื่องนี้แสดงถึงการที่ประชากรโลกมีการบริโภคมากขึ้น หรือแสดงถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจึงทำให้เกิดความต้องการบริโภคสูงขึ้น

ที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัวทางการผลิต เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการลงทุนลดลงและผู้ประกอบการไม่กล้าที่จะขยายกำลังการผลิต บางส่วนของสินค้ายังมีการชะงักชะงันอยู่จากการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิครอน เรายังมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว และเชื่อได้ว่าจะเกิดการผลิตมากขึ้นหากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดี

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป